วิธีคำนวณหาจำนวนถุงพลาสติกอย่างง่าย

                                   
เมื่อเรามีความจำเป็นต้องใช้ถุงพลาสติกในการบรรจุสินค้า  มักจะพบปัญหาว่าแล้วเราจะต้องสั่งซื้อถุงพลาสติกจำนวนเท่าไรจึงจะเป็นการประหยัดที่สุด   ไม่เหลือมากเกินไปจนเป็นภาระต้นทุนในการขายสินค้าหรือสั่งถุงพลาสติกมาแล้วจำนวนไม่เพียงพอต่อการใช้งานทำให้ต้องส่งสินค้าล่าช้า เป็นต้น
ดังนั้นวิธีการคำนวณหาจำนวนถุงพลาสติกจึงมีความสำคัญ และจำเป็นที่เราควรจะเรียนรู้ไว้ซึ่งสูตรในการคำนวณจะขึ้นอยู่กับชนิดของถุงพลาสติก ถุงพลาสติกมีมากมายหลายชนิดตามวัตถุประสงค์การใช้งาน   แต่ที่มีใช้งานกันค่อนข้างมากตามท้องตลาดทั่วๆไป   ได้แก่  ถุงร้อนหรือถุงชนิด PP   ถุงเย็นหรือถุงชนิด PE   และถุงไฮเดน (ก๊อบแก๊บ)หรือถุงชนิด HD  เป็นต้น   ซึ่งแต่ละชนิดมีคุณสมบัติดังนี้

  • ถุงร้อนหรือถุง PP   ผลิตจากเม็ดพลาสติกพอลิโพรพิลีน  ( Polypropylene )  เนื้อถุงจะมีลักษณะใสเหมาะสำหรับโชว์สินค้าที่บรรจุ ทนต่อไขมันและความร้อนได้ดี  สามารถทนความร้อนได้ถึง 100๐ C  แต่ไม่ทนต่ออากาศเย็น เหมาะสำหรับบรรจุอาหารร้อน  เช่น แกงร้อน  น้ำเต้าหู  กาแฟร้อน เป็นต้น  ไม่เหมาะกับอาหารแช่เยือกแข็ง  ( ความหนาแน่น (density ) ระหว่าง 0.90 – 0.91 กรัมต่อลูกบาศก์เซนติเมตร)

ภาพที่ 1  ถุงร้อนหรือถุง PP


  • ถุงเย็นหรือถุง PE  ผลิตจากเม็ดพลาสติกประเภทพอลิเอทิลีน  ( Polyethylene ) ซึ่งปัจจุบันจะหมายถึงเม็ด PE ชนิด Low Density Polyethylene (LDPE) และเม็ด PE ชนิด Linear Low Density Polyethylene (LLDPE) ผสมกันในอัตราส่วนที่แตกต่างกัน  เพื่อให้มีคุณสมบัติเหมาะกับการใช้งาน  เนื้อถุงมีลักษณะค่อนข้างใส  มีความยืดหยุ่นสูงสามารถยืดตัวได้ 1-7 เท่าตัว เหมาะสำหรับบรรจุอาหารที่ต้องการอุณหภูมิต่ำๆ  LLDPE จะมีความเหนียวกว่า LDPE  แต่ LDPE จะใสกว่า      ( ความหนาแน่น (Density) ระหว่าง 0.910 -  0.925 กรัมต่อลูกบาศก์เซนติเมตร )


ภาพที่ 2   ถุงเย็นหรือถุง PE


  • ถุงไฮเดนหรือถุง HD  ผลิตจากเม็ดพลาสติกประเภทพอลิเอทิลีน   ( Polyethylene ) ชนิดที่มีความหนาแน่นสูง เรียกว่า High Density Polyethylene (HDPE) เนื้อถุงมีลักษณะขุ่น โปร่งแสงน้อยมีความเหนียวและแข็งแรงมากกว่า LDPE และ LLDPE  เหมาะสำหรับใช้ทำถุงหูหิ้วบรรจุสินค้าทั่วไปที่ต้องการรับน้ำหนักได้ดี  บางครั้งเรียกว่าถุงก๊อบแก๊บ  ( ความหนาแน่น (Density) ระหว่าง 0.941 – 0.965  กรัมต่อลูกบาศก์เซนติเมตร )

ภาพที่ 3   ถุงไฮเดนหรือถุง HD



  • วิธีคำนวณหาจำนวนถุงพลาสติก  ( ใบ/กิโลกรัม)














ตัวอย่างการคำนวณ  
1. ถุง PP  ขนาดกว้าง  10 นิ้ว ยาว 18 นิ้ว  และมีความหนา 200 ไมครอนต่อความหนา
    2 ชั้น     ใน 1 กิโลกรัมจะได้ถุงดังกล่าวกี่ใบ
จากสูตร



                                        จะได้ถุง PP  ประมาณ       =         47.32          ใบต่อกิโลกรัม

หมายเหตุ  จำนวนถุงที่คำนวณจะ  +,- ได้ประมาณ 5%  เนื่องจากความหนาบางของถุงอาจไม่แน่นอน สำหรับความหนาของถุงพลาสติกจะมีหน่วยเป็นไมครอน โดยวัดรวม 2 ชั้น   กรณีถุง HD แบบหูหิ้วซึ่งจะมีการเจาะเนื้อถุงออกเพื่อทำหูหิ้วนั้น เมื่อคำนวณจำนวนใบตามสูตรแล้วจะต้องบวกเพิ่มตามเปอร์เซ็นต์น้ำหนักที่ถูกตัดออกไป เช่น บวกเพิ่ม 20% เป็นต้น

ซึ่งจะเห็นได้ว่าวิธีคำนวณหาจำนวนถุงพลาสติกที่ต้องการใช้งานนั้นมีประโยชน์ในการช่วยลดต้นทุนของวัสดุสิ้นเปลืองได้  เพราะหากเราไม่สามารถรู้จำนวนถุงพลาสติกที่จำเป็นต้องใช้งานเรา         ก็จะสั่งซื้อแบบให้มากไว้ก่อนเผื่อขาด  แต่หากเมื่อใดลูกค้ามีการเปลี่ยนแปลงขนาดบรรจุสินค้าก็จะ
ทำให้ถุงที่ยกเลิกการใช้งานเป็นของ Dead stock ทันที
   
         ประโยชน์อีกด้านหนึ่งของวิธีคำนวณหาจำนวนถุงพลาสติกก็คือ สามารถใช้เป็นหลักเกณฑ์ในการตรวจรับถุงพลาสติกที่เราสั่งซื้อ  เช่น  ถุงชนิดหนึ่งขนาดกว้าง 10 นิ้วยาว 15 นิ้ว หนา 200 ไมครอนต่อ 2 ชั้น จะต้องได้ 56 ใบต่อ 1 กิโลกรัม   แต่ตรวจรับแล้วได้ 45 ใบต่อกิโลกรัมหรือตรวจรับได้ 65 ใบต่อกิโลกรัม  กรณีแรก 45 ใบต่อกิโลกรัมแสดงว่าเราขาดทุนจำนวนใบ/กก. ถุงอาจจะไม่เพียงพอต่อการใช้งาน  เนื่องจากความหนาของถุงต่อใบมากกว่าที่เรากำหนดไว้  แต่ผู้ผลิตถุงจะได้ประโยชน์ที่ใช้เวลาผลิตน้อยลงหรือผลิตได้เร็วขึ้น  กรณีที่สอง 65 ใบต่อกิโลกรัม ดูเหมือนว่าเราจะได้กำไรที่ได้จำนวนถุงมากขึ้น แต่ปัญหาคือถุงจะมีความหนาลดลงหรือถุงบางกว่าที่กำหนดไว้   ซึ่งส่งผลต่อความแข็งแรงของถุง
        
          จากทั้งสองกรณีหากเรามีเกณฑ์ตรวจรับที่ดีก็จะป้องกันปัญหานั้นได้  หากสินค้าที่บรรจุในถุงนั้นมีราคาแพงและมีการสั่งซื้อจำนวนมาก ปัญหาเรื่องถุงหนา-บาง อาจส่งผลต่อกำไรขาดทุนของเราหรือของลูกค้าได้   สำหรับจำนวนที่ต้องการสั่งซื้อจริงควรมีการบวกเพิ่มจากเปอร์เซ็นต์ของเสียในกระบวนการผลิตของเราด้วย